ทำไม Industrial style จึงเป็นที่นิยมกับร้านกาแฟ พื้นที่ศิลปะและแกลลอรี่ ถ้าใครชื่นชอบการเที่ยวพื้นที่เก๋ๆ หรือชมงานศิลปะ จะพบว่าร้านหรือสถานที่เหล่านี้ มักจะสร้างหรือตกแต่งจากสไตล์ที่เหมือนหลุดมาจากโรงงาน
ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 เป็นยุคที่ทั้งโลกมีการติดต่อค้าขาย ระบบอุตสาหกรรมเป็นที่พบได้ทั่วโลก วัสดุจำพวกเหล็ก คอนกรีต และกระจก กลายเป็นของที่ผลิตกันได้มากขึ้น มีการสร้างอาคารเพื่อเป็นโรงงาน โรงเลื่อย โรงสี โกดัง หรือท่าเรือ อาคารเหล่านี้มักสร้างด้วยรูปแบบเรียบ ๆ ตรงไปตรงมา ตามการใช้งาน และมักตั้งไม่ห่างจากระบบสัญจรยุคแรกๆ อย่างในกรุงเทพเช่น บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และตามริมถนนเจริญกรุง มักจะมีอาคารโรงงานหรือโกดังยุคแรกๆ จำนวนมาก
แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป พื้นที่โรงงานยุค Industrial เหล่านี้ก็อาจมีที่ไม่พอ ต่อการผลิตหรือการวางสินค้าของยุคปัจจุบัน เจ้าของก็อาจย้ายออกไปตั้งที่อื่น อาคารเหล่านี้ก็มักถูกทิ้งร้าง ซึ่งในตะวันตกเองก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ต่อมาพวกบรรดาศิลปินหรือนักออกแบบบางกลุ่ม ต้องการพื้นที่ผลิตงานศิลปะหรือทำสตูดิโอของตัวเอง อาคารอุตสาหกรรมเหล่านี้ตอบโจทย์ได้ดีมาก ในยุคแรกๆ ค่าเช่าก็ไม่สูงมาก อยู่ในเมือง มีเพดานสูง ช่องเปิดกว้าง มีพื้นที่ให้สามารถผลิตงานได้
และเมื่อศิลปินจำนวนมากๆนิยมใช้อาคารเหล่านี้ผลิตงานกัน ทำให้รูปแบบสไตล์อาคารอุตสาหกรรม เริ่มกลายเป็นที่รู้จักในคนทั่วๆไปในประมาณช่วงปี 2000 เป็นต้นมาว่าสามารถใช้กับการใช้งานอื่นๆได้ ไม่ใช่แค่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น เริ่มจากเอาสไตล์นี้มาทำร้านกาแฟ และค่อยๆปรับไปใช้กับร้านค้าอื่นๆ และเริ่มกลายเป็นรูปแบบการตกแต่งภายในยอดนิยมที่มีการนำมาใช้กับอาคารบ้านเรือนได้ด้วย
Industrial style มีความสวย เท่ ดูดิบ เมื่อใช้คู่กับเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเหล็กก็ดูเข้ากันได้ดี ผู้คนจำนวนมากมีความชื่นชอบ นักออกแบบหรือเจ้าของกิจการบางคนจึงนำอาคารยุคโมเดิร์นปัจจุบันมาตกแต่งให้เป็นสไตล์อินดัลเทียลนี้ ก็อาจใช้โทนสีเทา หรือเอาไม้เก่ามาตกแต่งผนังหรือฝ้าให้อาคารดูเหมือนเป็นแนวอุตสาหกรรมมากขึ้น เอาเหล็กฉีกและบานกระจกแบบตารางกริดมาใช้
และอีกเอกลักษณ์ของอาคารสไตล์อินดัลเทียล ก็คือบรรดาผนังอิฐ ที่ให้ความรู้สึกเก่า ดูมีร่องรอยของกาลเวลา ถ้าเป็นบรรดาอาคารเก่าที่นำมาทำเป็นร้านกาแฟ หรือหอศิลป์ หลายๆที่ก็นิยมเก็บคราบของอิฐ รอยดำ รอยแตกร้าวหรือความไม่เนี้ยบต่างๆ เป็นตัวบ่งบอกความเป็นมา และประวัติศาสตร์ของอาคาร
แต่ถ้าอาคารยุคปัจจุบันที่อยากตกแต่งให้ดูเป็นอิฐที่มีรอยคราบต่างๆอาจจะดูยากเกินไป และการใช้อิฐมาเรียงเป็นผนังก็มีน้ำหนักมาก การเลือกใช้วัสดุทดแทนอย่างกระเบื้องลายอิฐก็ดูเป็นอะไรที่เข้าที อย่างเช่น กระเบื้องรุ่น Spanish tile ที่เป็นกระเบื้องของผู้ผลิตชั้นนำอย่าง KENZAI เป็นกระเบื้องลายอิฐที่มีรูปแบบและมีผิวสัมผัสขรุขระ สร้างTexture ของห้องที่แตกต่าง
และบรรดาคราบร่องรอยกาลเวลาที่ผมเล่าไป มันมีความสวยงามก็จริง ทำให้อาคารดูขลัง เอามาทำเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟก็ดูเก๋ไก๋ แต่คราบบางประเภทเกิดจากเชื้อราและฝุ่น ซึ่งน่ากังวลต่อเรื่องสุขอนามัยในอาคาร การใช้กระเบื้อง Spanish tile จะช่วยสร้างบรรยากาศดูดิบ ดูเก๋ มีคราบของกาลเวลาแบบไม่ได้มาจากเชื้อรา แต่เป็นการทำสีที่มาจากโรงงานและกระเบื้องปิดผิวผนังยังไม่ผุกร่อนง่ายแบบผนังอิฐจริง มีความคงทนสูง
ตัวอย่าง โทนสีของกระเบื้องรุ่นนี้ ก็มีการทำสีออกมาให้มีคราบ มีร่องรอย สร้างบรรยากาศให้อาคารดูเป็นตึกที่มาจากอุตสาหกรรมจริงๆ อย่างเช่น สี Dusty Rose ที่เป็นแดงผสมกับเฉดเทา หรือเฉด Grey Dust เปลี่ยมโฉมภายในอาคารของท่าน ให้ดูเป็นอาคาร Industrial style ผนังอิฐแบบมีฝุ่นเกาะ แต่ปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาด และโรคภัยที่อาจมากับเชื้อราและแบคทีเรีย
หากท่านใดสนใจอยากตกแต่งอาคาร ร้านอาหาร ร้านกาแฟให้ดูเป็นสไตล์อุตสาหกรรม สามารถติดต่อขอข้อมูลเรื่องกระเบื้อง Spanish tile ได้ที่นี้ได้เลยครับ
สามารถดูรายละเอียดกระเบื้อง Spanish Tile ได้ที่
https://www.kenzai.co.th/collection/floor-wall/spanish-tile/
ติดต่อ-สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่