เมือง Liverpool และ Manchester เป็นเมืองของอังกฤษที่แสนโด่งดัง และเป็นที่รู้จักจากทีมฟุตบอล สำหรับคนไทยจำนวนมากมาย หนึ่งในทีมฟุตบอลประเทศอังกฤษในดวงใจ คงหนีไม่พ้น ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล และสนามอย่างแอนฟิลด์ก็เป็นสถานที่ที่ใครหลายคนฝันจะได้ไปซักครั้ง การได้ไปแตะป้าย This is Anfield ของจริงเป็นหมุดหมายในชีวิต
และคนไทยจำนวนมากอีกกลุ่มก็เป็นแฟนของทีมปีศาจแดง อย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแบบเหนียวแน่น หากได้ไปอังกฤษก็คงอยากที่จะไปเยือนสนามกีฬาโอลด์แทรฟฟอร์ด ไปเยี่ยมชมประวัติศาสตร์และการแข่งขันของสนามแห่งนี้
.
แต่นอกจากเรื่องแข่งกันในด้านฟุตบอลแล้ว สองเมืองนี้ยังมีสถาปัตยกรรมและเรื่องราวที่น่าสนใจ ที่เขม่นกันมาตั้งแต่ในอดีต เพื่อต้อนรับการแข่งขันฟุตบอลที่ใกล้จะมาถึงนี้ ทางผู้เขียนจึงอยากพาทุกท่านไปรับชม เมืองสองแห่งนี้ในอีกมุมมอง ขอเชิญมาทำความรู้จักเมืองลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์กันครับ
.
————————————————
▪️ ความเป็นมาของสองเมือง
หนึ่งประวัติภูมิศาสตร์ของเมืองทั้งสอง โดยแม้ว่าทั้งสองเมืองจะมีมาตั้งแต่ยุคกลาง แต่เพิ่งจะมาพัฒนากันเป็นเมืองใหญ่ก็ช่วงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมราว 200 -300 ปีนี้เอง โดยช่วงปี ค.ศ. 1800 – 1900 นั้น เมืองลิเวอร์พูลจัดเป็นเมืองท่าอันดับต้น ๆ ของประเทศอังกฤษ ด้วยตั้งอยู่ริมแม่น้ำเมอร์ซีย์ ซึ่งมีขนาดกว้างใหญ่ เหมาะแก่การเป็นท่าเรือ ส่วนเมืองแมนเชสเตอร์นั้นตั้งลึกเข้าไปในแผ่นดิน ขึ้นชื่อมากเรื่องอุตสาหกรรมฝ้าย
.
ด้วยวัตถุดิบของอุตสาหกรรมเมืองแมนเชสเตอร์ต้องขนผ่านเมืองท่าอย่างลิเวอร์พูลเสมอ ต้องเสียภาษีแก่เมืองลิเวอร์พูลอยู่เรื่อยไป ดังนั้นเมืองแมนเชสเตอร์จึงทำการขุดคลอง เพื่อขนวัตถุดิบต่างๆ ของโรงงานเข้าเมืองโดยตรงผ่านคลองแมนเชสเตอร์ โดยไม่ต้องผ่านเมืองลิเวอร์พูลอีกต่อไป ทำให้เมืองลิเวอร์พูลเองเสียรายได้มหาศาล และเป็นจุดเริ่มต้นความไม่ถูกกันของสองเมืองนี้เรื่อยมาจนปัจจุบัน
.
————————————————
▪️เมืองท่ามรดกโลก Liverpool
อย่างที่ได้กล่าวไปนะครับ ว่าเมืองลิเวอร์พูลเป็นเมืองท่าที่สำคัญมาก เป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 2004 เต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมาย ไม่ว่าจะงานที่ได้กลิ่นอายอิทธิพลคลาสสิกแบบกรีกโรมัน อาทิ St George’s Hall ที่เป็นอาคารสไตล์กรีกโรมันขนาดใหญ่ สร้างเมื่อปี 1854 ไว้สำหรับเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ หรือกลุ่มอาคาร the Three Graces ที่ตั้งริมแม่น้ำ เป็นอาคารขนาดใหญ่ สามหลังที่เลือกประดับตกแต่งอาคารด้วยโดม มีการประดับประดาแบบคลาสสิก หนึ่งในอาคารนั้นก็คือ Royal Liver Building ที่เป็นอาคารที่สูงที่สุดในยุโรปในช่วงปี ค.ศ. 1910 มีหอนาฬิกาที่ใหญ่กว่าหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่กรุงลอนดอนเสียอีก
.
นอกจากอาคารคลาสสิกแล้วยังมี Liverpool Cathedral ที่เป็นโบสถ์สไตล์โกธิคที่สวยงามมาก เป็นยอดหอคอยขนาดยักษ์ สร้างด้วยอิฐสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ ภาพรวมโบสถ์แห่งนี้มีขนาดใหญ่โตที่สุดของอังกฤษก็ว่าได้ เป็นสถานที่ไม่ควรพลาดของบรรดาผู้นิยมชมชอบในงานวัฒนธรรมและอาคารศาสนา
.
และอีกจุดที่โดดเด่นก็คือท่าเรือ ที่เต็มไปด้วยอาคารอิฐสีแดงขนาดใหญ่มากมาย ทั้งโรงเก็บของ โกดัง อาคารต่างๆ จนกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง ที่เวลามาลิเวอร์พูลจะต้องนึกถึง กลายเป็นโทนสีที่สวยงามจนถูกนำไปใช้เป็นองค์ประกอบในการทำเปลือกผนังอาคารภายนอกของสนามแอนฟิลด์
.
หนึ่งในอาคารที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกของเมืองลิเวอร์พูลที่ได้รับในปี 2004 ก็คือ Albert Dock ซึ่งออกแบบโดย Jesse Hartley และ Philip Hardwick ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งภายในเป็นที่ตั้งของแกลลอรี่และพิพิธภัณฑ์มากมาย ที่นำโรงเก็บของและอู่เรือเก่ามาปรับปรุงใหม่
————————————————
▪️ เมืองอุตสาหกรรมอันยิ่งใหญ่
เมืองแมนเชสเตอร์ เป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ผลิตทอฝ้ายมาตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน และธุรกิจสิ่งทอเหล่านี้ยังคงอยู่กับเมืองมาตลอดจนถึงช่วงปี 1960 ที่ค่อยๆซบเซาลงไป หากเรามาดูแผนที่เกาะอังกฤษกัน เราจะพบว่าเมืองนี้ตั้งอยู่ค่อนข้างตรงกลางประเทศ ระหว่างเอดินเบอระทางตอนเหนือ กับลอนดอนทางตอนใต้
.
จึงเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม ผลิตสินค้า เชื่อมต่อด้วยคลองและทางรถไฟที่จ่ายสินค้าไปทั่วประเทศ พื้นที่ในอดีตจึงเต็มไปด้วยโรงงาน โรงเก็บของ กังหันทอฝ้าย และด้วยความที่ร่ำรวยจากการเป็นเมืองอุตสาหกรรม ทำให้นอกจากบรรดาโรงงานแล้ว เมืองแห่งนี้ก็เปี่ยมล้ำด้วยอาคารสวยงามมากมาย มีผสมผสานมากมายหลายยุค
.
Manchester Town Hall เป็นอาคารสวยงามสำคัญที่ควรแวะไปเยี่ยมชม โดยอาคารแห่งนี้ก่อสร้างในปี 1877 เป็นอาคารสไตล์โกธิคที่มีจุดเด่นคือมียอดแหลม และซุ้มโค้งแหลมเป็นช่องเปิด ศาลาว่าการเมืองหลังนี้เป็นหนึ่งมรดกที่สำคัญของประเทศอังกฤษ
.
หรือใครที่อยากไปดูกลิ่นอายความรุ่งเรืองของเมืองในอดีต การไปชม the royal exchange ก็เป็นอาคารที่ไม่เลว ที่นี่สร้างด้วยอาคารสไตล์คลาสสิก ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการค้าขายสิ่งทอในอดีต สร้างในปี 1867 ห้องซื้อขายสินค้าที่เป็นฮอลล์ขนาดใหญ่ เคยเป็นหนึ่งในห้องค้าขายที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป บรรดาฝ้ายที่นำผ่านท่าเรือเมืองลิเวอร์พูล จะนำมาขายกันที่นี่ในเมืองแมนเชสเตอร์ ปัจจุบันมีการปรับปรุงให้เป็นโรงละครไปเรียบร้อยครับ
.
และเมืองแมนเชสเตอร์ยังเป็นที่ตั้งของบรรดาสถาปัตยกรรมโมเดิร์นสวยงามมากมาย เพราะหลังจากการซบเซาของธุรกิจอุตสาหกรรมสิ่งทอ เมืองนี้ก็มีการปรับรูปโฉมพัฒนากันใหม่ มีอาคารกระจกและโครงสร้างเหล็กมากมายถูกสร้างขึ้น
.
Urbis ถูกออกแบบโดย Ian Simpson เป็นอาคารกระจกสวยงาม ที่ตัวมันอาจจะไม่ได้ใหญ่ที่สุด หรือสูงที่สุด แต่ผิวเปลือกอาคารหรือฟาสาด ทำจากกระจกฝ้ากว่า 2,200 แผ่น เรียงกันเป็นสโลปโค้งสวยงาม ทำให้มันเป็นหนึ่งในอาคารที่มีสุนทรีย์ที่สุดในเมือง เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติของอังกฤษ
.
หรืออาคาร Imperial War Museum North ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของโลกอย่าง Daniel Libeskind โดยออกแบบให้อาคารดูเป็นแผ่นโค้งมาประกอบกันไม่พอดี ดูสับสนวุ่นวาย และกระตุกสายตาตลอดเวลา เพื่อสื่อถึงความขัดแย้งจากสงครามแบบตรงไปตรงมา
.
จะเห็นได้ว่าเมืองทั้งสองนอกจากเรื่องฟุตบอลที่เป็นของขึ้นชื่อแล้ว ยังเต็มเปี่ยมด้วยความงามจากสถาปัตยกรรมและสิ่งปลูกสร้างมากมาย ใครที่จัดทริปไปเยี่ยมชมสนามกีฬาในดวงใจในเมืองดังกล่าวแล้ว อย่าลืมแวะเวียนไปเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมความงามมากมายของเมืองเหล่านี้กันด้วยนะครับ
.
อ้างอิง
https://sport.trueid.net/detail/BAD87Mbnm4E
https://travel.trueid.net/detail/lqk2zJLWX2WV
https://chartrange.com/2019/02/the-top-7-most-iconic-manchester-buildings/
https://en.wikipedia.org/wiki/Architecture_of_Liverpool
.
หากท่านใดสนใจกระเบื้อง จาก Kenzai สามารถติดต่อ-สอบถามได้ที่
Inbox : http://m.me/kenzaiceramics
Line : https://lin.ee/8OWMij2
Tel : 02 692 5080-90
#เคนไซตัวจริงเรื่องกระเบื้องภายนอก
#เคนไซผู้ผลิตกระเบื้องภายนอกรายแรกในไทย